วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พระในบ้าน




พระในบ้าน
นานมาแล้วยังมีหญิงชราผู้หนึ่ง อาศัยอยู่กับลูกโทนหัวแก้ว - หัวแหวนซึ่งนางรักและตามใจมาโดยตลอด ลูกของนางเป็นคนชอบทำบุญตักบารตเป็นที่สุด ทุกครั้งนางจะต้องสรรหาอาหารชั้นดีอันปราณีตไปถวายแก่พระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอ โดยคิดว่าทำอย่างนี้เป้นวิธีที่ได้บุญกว่าทำอย่างอื่นอยู่มาวันหนึ่งหญิง ชรานึกอยากชิมรสอาหารที่ลูกของนางทำไปเพื่อ
ถวายพระอย่างเต็มกำลัง จึงตัดสินใจหยิบอาหารนั้นแต่ก็ต้องชงักหดมือกลับ เมื่อโดนลูกสาวแผดเสียงขัดขวาง นางสดุ้งกลัวจนตัวสั่นรีบถอยห่างอย่าง งก ๆ เงิ่น ๆ ลูกสาวทำตาเขียวพร้อมกับบ่นว่าห้ามกี่ครั้งก็ไม่ฟัง"นี่เป็นอาหาร ที่ทไปถวายพระอย่ามายุงสิ"และแสดกิริยาปั่นปึ่งต่อมารดา ก่อนที่จะฉวยอาหารผลุนผลันออกไป ทิ้งให้ผู้เป็นแม่มองดูลูกจากไปด้วยหัวใจอันรันทด - หดหู่ นึกตำหนิตัวเองที่ไปทำให้ลุกโกรธฝ่ายหญิงสาวเมื่อมาถึงที่วัด ก็กุลีกุจอจัดอาหารเพื่อถวายหลวงปู่
หลวง ปู่ นั่งนิ่งหลับตาอยู่พักใหญ่แล้วก็ลืมตาพุดกับหญิงสาวว่า"ตัวอาตมา นี้เป็นเพียงพระนอกบ้านของโยมเท่านั้นไม่มีความหมายสลักสำคัญแต่อย่างไร ขอให้โยมจงนำภัตตาหารเหล่านี้กลับไปบูชาพระในบ้านของโยมจะดีกว่าทั้งผลและอา นิสงฆ์ที่จะเกิดขึ้นก็เพิ่มขึ้นเป็นหมื่นเท่าพันทวี"30 นางนึกสงสัย เพราะไม่เคยมีพระไปอยู่ในบ้านของนางเลยกำลังขยับตั้งท่าจะถามว่าพระที่บ้าน ของนางมีลักษณ์เช่นไร ? หลวงปูชิงพูดก่อนคล้ายจะรู้ใจว่าผู้ที่มาเปิดประตูต้อนรับ โยม เมื่อโยมกลับไปบ้านวันนี้ด้วยสีหน้าแววตาร้อนรน แต่แฝงไว้ด้วยความรักและการให้อภัย ท่านจะใส่เสื้อสอดแขนไว้ด้านเดียว ซ้ำยังสวมรองเท้าสลับข้างกันด้วย นั่นแหละขอให้รู้เถิดว่าท่านผู้นี้แหละ คือ"พระผู้ประเสริฐ 
การได้ทำบุญกับท่านจะได้บุญยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น จงจำไว้" ฝ่ายหญิงชราเฝ้ารอการกลับมาของลูกสาวจนม่อยหลับไป นางสะดุ้งตื่นเมื่อลูกสาวมาเคาะประตูเรียอย่างรีบร้อน นางกลัวว่าจะเปิดประตูไม่ทันใจลูก จึงรีบคว้าได้เสื้อสอดใส่แขนได้เพียงข้างเดียวแถมยังรีบใส่รองเท้าที่กลับ ข้างกันอีกด้วยเมื่อหญิงชราเปิดประตู ภาพที่หญิงสาวเห็นต่อหน้า - ต่อตาทำให้ได้คิดและรู้สึกสำนึกผิด นางรีบทรุดตัวลงกราบแทบเท้าผู้เป็นแม่ แม่พระของตนกล่าวคำสารภาพผิด และขอกลับตัวใหม่ 
ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจอีกต่อไปและจะตั้งหน้าตั้งตาทำความดีเพื่อทดแทนพระคุณ ของแม่ซึ่งหาที่สุดมิได้ด้วยคำพูดของลูกสาว
ทำให้ หญิงชรารูสึกปลื้มปีติ ตื้นตันจนน้ำตาไหลอาบแก้ม มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจที่ชะโลมหัวใจอันห่อเหี่ยวของนางมานานแล้วให้แช่ม ชื่น เบิกบาน - เป็นสุขจนสุดที่จะบรรยายได้...จบเพียงเท่านี้
บทความโดยผู้ใช้นามแฝงว่า......"ตอไม้".......ปี 2528
ผู้ใดจะเผยแพร่บทความนี้โปรดให้เครดิดแก่ ท่าน"ตอไม้"ด้วย